BONEcheck คืออะไร?

BONEcheck เป็นอัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยทำนายการเกิดกระดูกหักในอนาคตและผลกระทบที่ตามมา ช่วยประเมินอายุกระดูก และประเมินการสูญเสียมวลกระดูกตามปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล ปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการคำนวณมาหลายปัจจัย เช่น เพศ อายุ ความหนาแน่นของกระดูก ประวัติการเกิดกระดูกหักก่อนหน้า ประวัติการหกล้ม โรคประจำตัว และผลตรวจทางพันธุกรรม

BONEcheck เหมาะสำหรับใคร?

BONEcheck ใช้สำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป วัตถุประสงค์หลักของเครื่องมือนี้ คือเพื่อให้สามารถประเมินสุขภาพกระดูกของตนเองได้ และหาวิธีที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักและการเสียชีวิต เครื่องมือนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คำแนะนำทางคลินิกหรือตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา การตัดสินใจเรื่องการรักษาควรได้รับการปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งที่สำคัญคือ BONEcheck ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าบุคคลจะเกิดกระดูกหักในอนาคตหรือไม่ อย่างไรก็ตามเครื่องมือนี้สามารถให้ค่าประมาณของความน่าจะเป็นของการเกิดกระดูกหักและประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา

BONEcheck พัฒนาขึ้นอย่างไร?

BONEcheck ถูกพัฒนาจากการรวบรวมข้อมูลของ 5 การศึกษา ได้แก่ the Dubbo Osteoporosis Epidemiology Study (researchdata.edu.au/dubbo-osteoporosis-epidemiology-study/96809), the Danish Nationwide Registry, the Study of Osteoporotic Fractures (sofonline.ucsf.edu), The Osteoporotic Fractures in Men Study (mrosonline.ucsf.edu), and the Vietnam Osteoporosis Study (Ho-Pham and Nguyen, Osteoporosis and Sarcopenia 2017).

The Dubbo Osteoporosis Epidemiology Study เริ่มขึ้นในปีค.ศ.1989 โดยรวบรวมประชากรมากกว่า 2,500 คนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจากเมืองดับโบและบริเวณใกล้เคียง เป็นกลุ่มประชากรเริ่มต้นเดิมร่วมกับประชากรอีก 1,500 คนเข้าร่วมในการศึกษานี้ เงินทุนสำหรับการศึกษาได้รับการสนับสนุนจาก National Health and Medical Research Council เช่นเดียวกับทุนไม่ผูกมัดจากหลายแหล่ง เช่น Amgen Australia, Merck Sharp and Dohme, Sanofi-Aventis, Novartis, Bupa Health Foundation

ผู้วิจัยของ Dubbo Osteoporosis Epidemiology Study คือ:

• Professor John A. Eisman (Garvan Institute of Medical Research).
• Professor Tuan V. Nguyen (University of Technology Sydney).
• Professor Jacqueline R. Center (Garvan Institute of Medical Research).
• Sr Janet Watters (Garvan Institute of Medical Research).